หน้าแรก Vendors Apple ศาลสั่ง Apple จ่ายกว่า 502 ล้านดอลลาร์ ฐานละเมิดสิทธิบัตรบริษัท Optis

ศาลสั่ง Apple จ่ายกว่า 502 ล้านดอลลาร์ ฐานละเมิดสิทธิบัตรบริษัท Optis

ศาลในสหราชอาณาจักรมีคำสั่งให้บริษัท Apple ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ ชำระเงินเป็นจำนวนกว่า 502 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 18,500 ล้านบาท) ให้กับบริษัท Optis Cellular Technology LLC จากรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา หลังพบว่า Apple มีการละเมิดสิทธิบัตรด้านเทคโนโลยีการสื่อสารที่ Optis ถือครองอยู่ โดยเมื่อรวมดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ Optis ประเมินว่ามูลค่าทั้งหมดจะสูงเกินกว่า 700 ล้านดอลลาร์

Optis เป็นที่รู้จักในฐานะ “บริษัทบริหารสิทธิบัตร” (patent troll) ซึ่งหมายถึงบริษัทที่ไม่ได้พัฒนานวัตกรรมเอง แต่เน้นการเข้าซื้อสิทธิบัตรเฉพาะทาง เพื่อฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัทขนาดใหญ่ เช่น Apple และก่อนหน้านี้ Optis เคยชนะคดีลักษณะเดียวกันมาแล้ว

คดีนี้เริ่มต้นในปี 2019 เมื่อ Optis ยื่นฟ้องผ่านศาลในกรุงลอนดอน โดยอ้างว่า Apple ได้นำเทคโนโลยีเซลลูลาร์ เช่น 4G ที่อยู่ในสิทธิบัตรของ Optis ไปใช้ในผลิตภัณฑ์อย่าง iPhone และ iPad โดยไม่ได้รับอนุญาต ต่อมาในปี 2023 ศาลสูงแห่งลอนดอนมีคำตัดสินให้ Apple จ่ายเงินกว่า 56 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมดอกเบี้ยเพื่อชดเชยความเสียหาย แต่ทาง Optis เห็นว่าจำนวนเงินดังกล่าวไม่เหมาะสมและน้อยเกินไป

หลังจากการโต้แย้งเพิ่มเติม ศาลจึงมีคำสั่งล่าสุดให้ Apple ชำระค่าเสียหายเพิ่มเติมเป็นเงินก้อนใหญ่กว่า 502 ล้านดอลลาร์ ซึ่งครอบคลุมการละเมิดในอดีตและอนาคต

Apple เคยเผชิญคดีละเมิดสิทธิบัตรมาแล้วหลายครั้ง ทั้งจากบริษัทด้านการบริหารสิทธิบัตรและบริษัทคู่แข่งในอุตสาหกรรม โดยผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายชี้ว่ารูปแบบการฟ้องร้องในลักษณะนี้สะท้อนให้เห็นถึงช่องโหว่ในระบบสิทธิบัตรที่อาจเปิดโอกาสให้บริษัทยักษ์ใหญ่จ่ายค่าชดเชยน้อยกว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง

รายละเอียด – engadget