Facebook

สำหรับไตรมาสปัจจุบันนี้ เมต้าระบุคาดการณ์รายรับไว้อยู่ในช่วง 2.8 – 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งยังน้อยกว่าที่ทำนายโดยนักวิเคราะห์อย่าง Refinitiv เสียอีก และเผลอๆ อาจจะเรียกว่าต่ำกว่ายอดรายรับจริงในช่วงไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วที่อยู่ที่ 2.91 หมื่นล้านเสียด้ว

ซักเคอร์เบิร์ก กล่าวว่า “เราได้เริ่มทดลองระบบใหม่นี้กับครีเอเตอร์บางส่วนก่อนเพื่อดูผลลัพธ์ที่ได้ และน่าจะมีการเอาออกมาใช้ในวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ” เช่น บางคนอาจจะสร้างและขายเครื่องประดับแนวแฟชั่น หรือคิดค่าเข้าชมหรือผ่านประตูไปยังโลกเวอร์ช่วลต่างๆ ได้

เคยคิดไหมว่าคุณเองก็อาจแฮ็กเฟซคนอื่นได้เหมือนกัน ไม่ใช่ด้วยความยากลำบากแสนสาหัส แต่ด้วยทริคง่ายที่ใช้เวลาแปบเดียว ที่ไม่ต้องอาศัยความรู้ด้านไอทีอะไรมากเลยก็สามารถเข้าถึงเฟซคนอื่นได้ภายในไม่กี่นาทีแล้ว

คณะกรรมการด้านปกป้องข้อมูลของไอร์แลนด์หรือ DPC ออกมาประกาศเมื่อวันอังคารว่า ได้สั่งปรับเจ้าของเฟซบุ๊กและ WhatsApp อย่าง Meta Platforms เป็นเงิน 17 ล้านยูโร (เงินไทยราวๆ 612 ล้านบาท)

ใครกันน๊า? แอบมาส่องเรา เค้าแอบชอบเราหรือเปล่า หรือเป็นคู่แข่งที่หมั่นไส้เราหรือเปล่า? แน่นอนใครๆ ก็อยากรู้ว่าคนไหนมาเปิดดูหน้าเฟซของเรา ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลส่วนตัวที่ว่าไว้ข้างต้น หรือเพื่อป้องกันอันตรายจากผู้ไม่หวังดี ซึ่งเหตุผลหลังนั้นสอดคล้องกับนโยบายการควบคุมความเป็นส่วนตัวของเฟซบุ๊ก

เมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา Meta ได้ออกมาประกาศว่าจะขยายขอบเขตการแบนสมาชิกของกองทัพทหารพม่าที่รู้จักกันในชื่อ Tatmadaw มากขึ้น หลังจากที่เหล่าผู้ลี้ภัยชาวโรนินญาได้ยื่นฟ้อง Meta ทั้งในสหรัฐฯ และอังกฤษ

บริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก Meta Platforms กล่าวว่า ได้ยื่นฟ้องผู้ที่อยู่เบื้องหลังเว็บฟิชชิ่งมากกว่า 39,000 เว็บต่อศาลประจำรัฐแคลิฟอร์เนีย ในข้อหาที่ปลอมแปลงตัวตนทางดิจิตอลจนทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิด เข้าไปกรอกรหัสผู้ใช้ในเว็บฟิชชิ่งแทน

เมื่อสัปดาห์ก่อน ทาง Meta Platforms เผยว่าได้แบนการใช้งานของกลุ่มรับจ้างบนโลกไซเบอร์จำนวน 7 รายที่เชื่อว่าคอยเล่นงานเหยื่อให้ลูกค้า “แบบไม่เลือก” โดยเจาะกลุ่มนักข่าว ผู้ต่อต้านรัฐบาล ผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของหน่วยงานรัฐ

ผู้อพยพชาวโรฮิงญาได้ยื่นฟ้อง Meta (ที่เป็นชื่อบริษัทปัจจุบันของเฟซบุ๊ก) จำนวน 2 คดี รวมเป็นมูลค่าความเสียหายเกินกว่า 1.5 แสนล้านดอลลาร์ฯ จากกรณีที่มีส่วนส่งเสริมให้เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โรฮิงญาในพม่า

มีข่าวล่าสุดว่า เฟซบุ๊กเตรียมปิดตัวระบบจดจำใบหน้า พร้อมๆ กับลบข้อมูลแม่แบบการจดจำใบหน้าตัวบุคคลของผู้ใช้นับหลายพันล้านราย หลังจากมีความกังวลเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในภาพรวม