หน้าแรก Networking & Wireless 5G รีวิว : TP-Link EAP723 Access Points Wi-Fi 7 รองรับทุกเวิร์กโหลด ตอบโจทย์ทุกธุรกิจ

รีวิว : TP-Link EAP723 Access Points Wi-Fi 7 รองรับทุกเวิร์กโหลด ตอบโจทย์ทุกธุรกิจ

เมื่อการใช้งาน Wi-Fi ในยุคสมัยใหม่ ธุรกิจทั้งหลายต่างจำเป็นต้องหาโซลูชันที่ออกแบบมาเพื่อได้ทั้งความเร็ว, ความแรงและปลอดภัย ดังนั้นเทคโนโลยี Wi-Fi 7 จึงเป็นทางเลือกที่องค์กรควรพิจารณา

TP-Link ได้พัฒนาอุปกรณ์เน็ตเวิร์กสำหรับธุรกิจองค์กรภายใต้แบรนด์ Omada โดมี Access Point (AP) รุ่นใหม่ชื่อ Omada EAP723 (BE5000) เป็นอุปกรณ์ AP ที่รองรับเทคโนโลยี Wi-Fi 7 (802.11be) ซึ่งเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายล่าสุดและเร็วที่สุดในปัจจุบัน ด้วยความเร็วสูงสุดถึงระดับ 5000 Mbps รองรับทั้งคลื่นความถี่ 2.4 GHz และ 5 GHz ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในระดับธุรกิจอย่างแท้จริง

รูปร่างหน้าตาและคุณสมบัติ

TP-Link EAP723 เป็น AP ในเกรด Business Access Point แบบที่เป็น Ceiling Mount ให้มีความกลมโค้งมน มีสีขาวนวล เหมาะสำหรับการติดตั้งบนเพดาน และด้วยความที่มีลักษณะเป็นทรงกลมทำให้สามารถกระจายสัญญาณไร้สายได้โดยรอบได้ดีมากยิ่งขึ้น ด้านหน้าของอุปกรณ์จะมีโลโก้ TP-Link อยู่ตรงกลาง และมีไฟแสดงสถานะอุปกรณ์ ด้านหลังจะมีพอร์ต DC สำหรับเชื่อมต่ออะแดปเตอร์ พอร์ต LAN 2.5 G 1 ช่อง และรูสำหรับกด Reset อุปกรณ์ นอกจากนี้อุปกรณ์ยังมาพร้อมคุณสมบัติที่น่าสนใจตัวอย่างเช่น

– การเชื่อมต่อแบบ Next-Gen Wi-Fi 7

– ความเร็ว Wi-Fi รวมสูงสุดถึง 5.0 Gbps: แบ่งเป็น 4324 Mbps บนย่านความถี่ 5 GHz และ 688 Mbps บนย่านความถี่ 2.4 GHz

– พอร์ต Ethernet ความเร็ว 2.5 Gbps: รองรับการเชื่อมต่อแบบมีสายที่มีแบนด์วิธสูง

– รองรับ 802.3at PoE: สามารถจ่ายไฟและส่งข้อมูลพร้อมกันผ่านสาย Ethernet เส้นเดียว

– ฟีเจอร์ Omada Mesh และ Seamless Roaming: ช่วยให้การเชื่อมต่อระหว่าง Access Point เป็นไปอย่างราบรื่น

– การจัดการผ่านคลาวด์แบบรวมศูนย์: รองรับระบบ Controller ผ่าน 3 ช่องทางคือ Hardware, Software และ ระบบ Omada Cloud เพื่อการควบคุมและจัดการอุปกรณ์ตามความต้องการขององค์กร

การรักษาความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น: รองรับ WPA3 และฟีเจอร์อื่น ๆ เพื่อความปลอดภัยของเครือข่าย

การติดตั้งอุปกรณ์

สำหรับการติดตั้งอุปกรณ์นั้นทำได้อย่างง่ายดาย โดยมีชุดอุปกรณ์เมาท์สำหรับการติดตั้งบนเพดานได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งการเชื่อมต่อก็ทำได้ง่ายเช่นกัน เพราะอุปกรณ์ EAP723 นั้นสามารถรองรับการเชื่อมต่อแบบเทคโนโลยี Power over Ethernet (PoE) ซึ่งคุณสามารถใช้สาย LAN เพียงเส้นเดียวก็เพียงพอ (ทั้งปล่อยสัญญาณเน็ตและไฟฟ้ามาพร้อมกับสาย) ในกรณีที่สวิตช์หลักของคุณรองรับ PoE (อย่างไรก็ตามตัว  EAP723 ก็มีช่องสำหรับไฟฟ้าแบบ DC 12 V มาให้ใช้งาน แต่ในกล่องจะไม่ได้มีอะแดปเตอร์มาให้ จึงต้องหาซื้อเพิ่มเติมหากต้องการใช้งาน) ในครั้งนี้ทางทีมงาน เลือกการคอนฟิกแบบ Cloud-Based โดยต่อเชื่อม EAP723 เข้ากับระบบโครงสร้างอินฟราสตรัคเจอร์เดิม

คอนฟิกและเซตระบบผ่านทาง Omada Essential Cloud-Based Controller

สิ่งหนึ่งที่เหนือชั้นของ TP-Link กว่าคู่แข่งก็คือ ระบบการบริหารจัดการผ่านทางคลาวด์ที่มีมาให้ผู้คนใช้งานฟรี ภายใต้โซลูชัน Omada Essential Cloud-Based Controller (อ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่นี่)

เนื่องจากเราได้ทำการตั้งค่าเน็ตเวิร์กไว้บน Omada Essential Cloud-Based Controller เรียบร้อยแล้ว เมื่อเราทำการต่อระบบเข้ากับอินเทอร์เน็ตเดิมของเรา เราก็สามารถเพิ่มอุปกรณ์เข้าไปในระบบได้อย่างง่ายดายผ่านทางหน้าพอร์ทัล  https://omada.tplinkcloud.com

เมื่อระบบเริ่มต้นทำงานแล้วจะมีค่า SSID ที่เป็น Default ออกมาให้คุณ 2 ค่าประกอบด้วย

– TP-Link_2.4 GHz_XXXX สำหรับย่านความถี่ 2.4 GHz

– TP-Link_5 GHz_XXXX สำหรับย่านความถี่ 5 GHz

ซึ่งค่า SSID นี้เราสามารถที่จะแก้ไขคอนฟิกูเรชันต่าง ๆ ทั้งระบบความปลอดภัย, VLAN, MAC Filter, Guest Network และอื่น ๆ อีกมากมายได้จากทางตัว  Omada Essential Cloud-Based Controller ดังรูปด้านล่าง

การใช้งาน Omada App บนอุปกรณ์มือถือ

ในกรณีที่คุณต้องการคอนฟิก EAP723 ก็สามารถกระทำได้โดยผ่านทาง App ของ TP-Link ซึ่งก็คือเจ้า Omada นั่นเอง (ปัจจุบันเป็นเวอร์ชัน V1.3.0)

ทดสอบความเร็วและความแรงของสัญญาณ

ในการทดสอบครั้งนี้เราได้ใช้โปรแกรมทดสอบความเร็วที่ชื่อว่า LAN Speed Test v4.4 และเราได้ทำการทดสอบด้วยการส่งไฟล์ VDO ขนาด 2 กิกะไบต์ และตั้งค่าขนาดไฟล์ในการส่งประมาณ 1 กิกะไบต์ และได้ผลทดสอบมาดังนี้

– Write Speed หรือความเร็วในการอัพโหลดอยู่ที่ 84.01 Mbps

– Read Speed หรือความเร็วในการดาวน์โหลดที่ 863.66 Mpbs

โดยค่าตัวเลขดังกล่าวถือว่าเป็นค่าที่ดีเยี่ยม (โดยค่าเฉลี่ยของอุปกรณ์ระดับ Gigabit จะอยู่ที่ประมาณ 800-950 Mbps ** ตัวเลขดังกล่าวนี้จากแหล่งข้อมูลการทดสอบและเทคนิคต่าง ๆ จากผู้ผลิตอุปกรณ์และชิปเครือข่ายชั้นนำ เช่น iPerf3, Intel, Realtek, Broadcom, Qualcomm เป็นต้น)

นอกจากนั้นเราก็มีการใช้ตัวเช็กสัญญาณความแรงของตัว EAP723 โดยใช้โปรแกรม Wi-Fi Analyzer โดยได้รับค่าสัญญาณในช่วงประมาณ  -30 ถึง -40 dBm  ด้วยเช่นกันดังรูปด้านล่าง

 

บทสรุปการใช้งาน

จากการใช้งาน TP-Link EAP723 ในการทำงานจริง เราพบว่าการส่งข้อมูลระหว่างเครือข่ายในองค์กรนั้นให้ประสิทธิภาพในเกณฑ์ที่น่าประทับใจ และมีการกระจายสัญญาณไปยังเครือข่ายในทุก ๆ จุดได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นแล้วยังช่วยให้ผู้ติดตั้งและผู้ดูแลระบบไอที รวมถึงวิศวกรการติดตั้งสามารถคอนฟิกค่าการทำงานผ่านระบบคลาวด์ได้ผ่านทาง Omada Essential Cloud-Based Controller (บริการฟรี) ทำให้สามารถบริหารจัดการอุปกรณ์ EAP723 ได้ง่ายไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม แต่จะมีข้อสังเกตุคือ อุปกรณ์จะมีการปล่อยสัญญาณเฉพาะคลื่น 2.4 GHz และ 5 GHz เท่านั้น ยังไม่มีคลื่น 6 GHz ให้ใช้งาน ซึ่งในปัจจุบันเริ่มมีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่รองรับคลื่น 6 GHz ให้ใช้งานกันมากขึ้น เช่น สมาร์ทโฟน แล็ปท็อป แท็บเล็ต แต่ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปภายในธุรกิจองค์กร หากต้องการอุปกรณ์ Access Points Wi-Fi 7 ที่มาพร้อมคลื่น 6 GHz แบรนด์ Omada ก็มีรุ่น EAP772, EAP773, และ EAP783 ให้เลือกด้วยเช่นกัน

สำหรับท่านใดที่สนใจผลิตภัณฑ์ Access Point แบรนด์ Omada รุ่น EAP723 สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมหรือติดต่อสอบถามได้ที่

Website : https://www.tp-link.com/th/

Facebook : https://www.facebook.com/tplinkbiz

Line : @tplink